สำหรับกลยุทธ์นี้ จะอาศัยการพลิกกลับบนพื้นฐานของตัวชี้วัด “Bollinger Bands” จะเหมาะสมกับการใช้ในทุกๆคู่สกุลเงินหลักเช่น EUR/USD, GBP/USD, AUD/USD, CAD/USD, NZD/USD, และ USD/JPY รวมทั้งใช้ได้ทุกกรอบระยะเวลาตามเหมาะสมหรือความถนัดของแต่ล่ะท่าน เช่น M15, M30, H1, H4 และ D1
วิธีการตั้งค่า
การเช็ทค่าตัวชี้วัด Bollinger Bands ที่ใช้
- Bollinger Bands (Period 20, Shift 0, Deviation 2) – เส้นสีเขียวบนกราฟ
- Bollinger Bands (Period 20, Shift 0, Deviation 3) – เส้นสีส้มบนกราฟ
ตัวอย่างการตั้งค่า Bollinger Bands (Period 20, Shift 0, Deviation 2) – เส้นสีเขียวบนกราฟ
ตัวอย่างการตั้งค่า Bollinger Bands (Period 20, Shift 0, Deviation 3) – เส้นสีส้มบนกราฟ
เงื่อนไขสำหรับการเปิดออเดอร์ “ซื้อ”
- รอจนกว่าราคาอยู่ระหว่างเส้นสีเขียวและสีส้ม(Bollinger Bands) แล้วทำเครื่องหมายแท่งเทียนเป็นลำดับที่ “0”
- รอจนกว่าแท่งเทียนมากกว่า 2 แท่งเกิดขึ้น ถ้าราคาปิดของแท่งเทียน “0” และ “1” สูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า (แท่งเทียน “สีขาว”) ให้ทำการเปิดออเดอร์ Buy ของแท่งเทียนลำดับที่ 2 ที่กำลังเปิด
ตัวอย่างจังหวะเข้าออเดอร์ Long (ซื้อ)
เงื่อนไขสำหรับการเปิดออเดอร์ “ขาย”
- รอจนกว่าราคาอยู่ระหว่างเส้นสีเขียวและสีส้ม (Bollinger Bands) แล้วทำเครื่องหมายแท่งเทียนเป็นลำดับที่ “0”
- รอจนกว่าแท่งเทียนมากกว่า 2 แท่งเกิดขึ้น ถ้าราคาปิดของแท่งเทียน “0” และ “1” ต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า (แท่งเทียน “สีดำ”)ให้ทำการเปิดออเดอร์ Sell ของแท่งเทียนลำดับที่ 2 ที่กำลังเปิด
ตัวอย่างจังหวะเข้าออเดอร์ Short (ขาย)
เงื่อนไขในการออกจากออเดอร์ (SL&TP)
- ตัดขาดทุน (SL) ที่ระยะ 5 จุดจากสูงหรือต่ำของแท่งเทียนลำดับ 1
- เป้าหมายกำไร (TP) จะแตกต่างกันตามตราสารและกรอบเวลา ตัวอย่างเช่น 60 จุดสำหรับ EUR/USD H4, 70 จุดสำหรับ GBP/USD H4, 200 จุดสำหรับ EUR/USD D1, 250 จุดสำหรับ GBP/USD D1
- ปิดหรือ ออกจากออเดอร์เมื่อราคาถึงเส้นกลางของ BB (เมื่อถึงเส้นกลางสีแดงของ Bollinger Bands บนกราฟ)
- พอร์ตหรือไม้ที่ถืออยู่อาจจะเปลี่ยนไปยังโหมด “no loss” หากกราฟได้ข้ามเส้นกลางของฺฺ BB (เส้นกลางสีแดงของ Bollinger Bands บนกราฟ)
Source: กลยุทธ์การซื้อขาย “One-Two” http://analytics.roboforex.com/education/trading-strategies/