เมื่อมีฝันอยากเป็นนักเทรด Forex มืออาชีพ แต่ขาดเงินทุนในการต่อยอดสร้างกำไร ทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณคงต้องนึกถึง การสอบกองทุน Forex แน่นอน แต่ปัญหาคือ สอบกองทุน forex ไหนดี เพราะมีให้เลือกหลายแห่งและเงื่อนไขแตกต่างกันพอสมควร บทความนี้เราเลยขอมาแนะนำว่า การสอบกองทุน Forex มีที่ไหนบ้าง และควรเลือกสอบที่ไหนให้เหมาะกับการเทรดของคุณมากที่สุดกัน
สารบัญเนื้อหา คลิกเพื่ออ่านในหัวข้อต่างๆ
ความสำคัญของการเลือกสถาบันสอบกองทุน Forex
ก่อนอื่น, เราต้องเข้าใจว่าการสอบกองทุน Forex ไม่ใช่เรื่องง่าย. การเลือกสถาบันที่เหมาะสมสามารถเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ.
สอบกองทุน Forex มีที่ไหนบ้าง
รู้หรือไม่? การสอบกองทุน Forex ที่คนชอบเรียกว่า การสอบ FTMO ความจริงแล้ว FTMO แค่เป็นแหล่งเงินทุนแห่งหนึ่งเท่านั้น แต่การสอบกองทุน Forex ยังมีอีกหลายสิบแห่งที่เปิดให้นักเทรดได้ลองสอบ รับ Certicate และรับเงินทุนมาเทรดสร้างกำไรก่อนจะแบ่งมาเป็นค่าคอมมิชชั่นงามๆ ให้นักเทรดได้เก็บเข้ากระเป๋าตังส่วนตัว แต่การสอบกองทุน Forex ไหนดีที่ได้รับความนิยม มีความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสการเติบโตในสายนี้ จะขอแนะนำอยู่ 5 แห่ง ได้แก่ FTMO, MFF, TFT, The5ers และ CTI
ข้อควรพิจารณาในการเลือกสถาบัน สอบกองทุน Forex
ด้วยความที่การสอบกองทุน Forex มีให้เลือกหลายแห่ง (และบางคนอาจสอบมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มการเข้าถึงทุนมาหมุนสร้างกำไร) หากจะถามว่า เลือกสอบกองทุน Forex ไหนดี เรามีเทคนิคการเลือกให้ตอบโจทย์สไตล์การเทรดของทุกคนมาฝากกัน
1) เลือกเงื่อนไขที่รับไหว
เพราะการจะสมัครเป็นนักเทรดรับทุนจากการสอบกองทุน Forex จะเน้นในเรื่องของการบริหารความเสี่ยงเงินทุนเหล่านั้นให้ความเสี่ยงต่ำสุด แต่ได้กำไรตามเงื่อนไข เพราะงั้นหากจะถามว่า สอบกองทุน Forex ไหนดี แต่ละแห่งจะมีการกำหนดเงื่อนไขของการเทรดไว้ เช่น เป้ากำไรที่ต้องทำให้ได้ถึง, ระยะเวลาในการทดสอบและวันเทรดขั้นต่ำ, คอมมิชชั่น เป็นต้น
2) วงเงินทุน
ในแต่ละแหล่งกองทุน Forex จะมีการสอบให้เลือกหลายระดับ โดยแบ่งระดับได้ง่ายๆ จากวงเงินทุนที่จะได้รับการสนับสนุนนี่ล่ะ เพราะงั้นอาจพิจารณาจากวงเงินทุนขั้นต่ำไปจนถึงสูงสุดว่า แต่ละระดับตอบโจทย์การเติบโตในการลงทุนของคุณได้หรือไม่ (และแน่นอนว่า ค่าสมัครก็ตามวงเงินที่ต้องการด้วยเหมือนกัน)
3) ความยากง่ายในการทดสอบ
ปกติการสอบกองทุน Forex ไหนดี จะมีความยากง่ายในการทดสอบไม่เหมือนกัน ทั้งเรื่องของจำนวนวันที่เข้ารับการทดสอบ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเล็งช่วงเวลาดีที่จะยิงออเดอร์และการจัดการความกดดันในช่วงเข้ารับการทดสอบ
4) เงื่อนไขอื่น
นอกจากเงื่อนไขและการเทรดโดยตรงแล้ว เงื่อนไขอื่นก็ควรเอามาพิจารณาในการเลือกสอบกองทุน Forex ไหนดีด้วย เช่น บางแห่งให้ถอนรายได้เดือนละครั้ง, ระยะเวลาในการขยายพอร์ต เป็นต้น
5 สถาบันที่น่าสนใจสำหรับการสอบกองทุน Forex
หลังจากดู 4 ปัจจัยในการเลือกสอบกองทุน Forex ไหนดีแล้ว มาลองดูตัวอย่าง 5 แหล่งทุนยอดนิยมที่นักเทรดมืออาชีพทั่วโลกร่วมสนับสนุนกันว่า น่าสนใจอย่างไร
1) FTMO
ถ้าถามสอบกองทุน Forex ไหนดี คำตอบที่จะขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ เลยก็คือ การสอบกองทุน FTMO เพราะเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มจัดสรรเงินลงทุนที่มีความสามารถ แต่ยังขาดเงินทุนในการสนับสนุน โดยลบข้อจำกัดที่ถูกขีดกรอบด้วยกฎหมายว่า ต้องสอบใบอนุญาตตามกฎหมายแต่ละประเทศ โดยให้สัดส่วนค่าคอมมิชชั่นแก่เทรดเดอร์สูงถึง 70% และเข้ากระเป๋านักลงทุนกว่า 30% และมีทีมร่วมสนับสนุนอย่างมืออาชีพ มีเงื่อนไขการเทรดที่ผู้สนใจควรทราบหลักๆ อยู่ 3 ข้อ ดังนี้
- ในรอบ Challenge จะมีการทดสอบประมาณ 30 วัน เมื่อครบ 30 วันแล้วผู้เข้าร่วมการทดสอบกองทุน Forex จาก FTMO จะต้องสร้างผลกำไรให้ได้มากกว่า 10% ขึ้นไป (ขาดทุนไม่เกิน 5% ต่อวัน) ทั้งนี้สามารถขอเพิ่มได้อีก 14 วัน ถ้าในช่วงเทรดทำกำไรได้ 5% ขึ้นไป
- ขั้นที่สองจะทดสอบกว่า 60 วัน ในตลอดระยะเวลาการเทรดกว่า 60 วัน จะต้องทำกำไรให้ได้ 5% ขึ้นไป
- ถ้าสอบไม่ผ่าน เพราะทำกำไรได้ไม่ถึงตามที่กำหนดไว้ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นขาดทุนสามารถสอบใหม่ได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าสมัครเพิ่ม
ค่าสมัครสอบ : เริ่มต้นที่ €155 ไปจนถึงสูงสุด €1,080 (หากสอบผ่านทั้งสามจนได้เป็น FTMO Trader จะขอค่าสมัครคืนได้)
เว็บไซต์ : https://ftmo.com/en/
MFF หรือ MyForexFunds เป็นอีกหนึ่งคำตอบยอดฮิตของคำถามสอบกองทุน Forex ไหนดี เพราะเงื่อนไขไม่ยุ่งยาก และมีโอกาสผ่านได้มากกว่าการสอบกองทุน Forex แห่งอื่น รวมถึงค่าสมัครสอบที่ถูกกว่าประมาณพันว่าบาทเลยทำให้มือใหม่หัดทดสอบกองทุน Forex เลยลองสนามกัน ณ ที่แห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่เรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือก็ยังเป็นรองอยู่เช่นกัน ปัจจุบันมีการสอบ 3 แบบ คือ
- Rapid : สำหรับมือใหม่มีเป้าหมายทดสอบการเทรดคงที่
- Evaluation : สำหรับนักเทรดที่มีความเชี่ยวชาญและสั่งสมประสบการณ์มาระดับหนึ่ง เพราะการทดสอบจะมีการแบ่ง Phase ระยะการประเมินรอบแรกต้องทำให้ได้ 8% และรอบสอง 5%
- Accelerated : สำหรับนักเทรด Forex มือฉมังขั้นเทพจะมีการขยับขั้นหรือขยายวงเงิน เมื่อไปถึงเป้า 10-20% โดยมีผลตอบแทนสูงล่อใจนักเทรดสุดๆ
ค่าสมัครสอบ : เริ่มต้นที่ $99 ไปจนถึงขั้นสูงสุด $2,450 (ถ้าเป็นการสอบแบบ Rapid และ Evaluation จะได้รับเงินคืนหากสอบผ่าน แต่ Accelerated จ่ายครั้งเดียวไม่คืน)
เว็บไซต์ : https://www.myforexfunds.com/
3) TFT
หนึ่งในการสอบกองทุน Forex ไหนดี คงต้องยกให้ TFT หรือ The Funded Trader ที่มีการวางแผนเป้าอย่างเป็นระบบการสอบให้ทุนมาเทรด Forex ไม่ต่างจากแพลตฟอร์มอื่นที่ได้กล่าวไปในข้างต้น แต่จะมีจุดเด่นตรงที่ค่าธรรมเนียมการสอบยังถือว่า เป็นมิตรต่อนักเทรดมือใหม่ที่ต้องการสอบชิงทุนและมีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับเทียบเท่าแหล่งทุนขนาดใหญ่ชื่อดังแห่งอื่น โดยได้รับการการันตีจาก Trustpilot องค์กรรีวิวแพลตฟอร์มทางการเงินที่น่าสนใจทั่วโลกว่ามีความน่าเชื่อถือสูง การสอบไม่กดดันมากสามารถขาดทุนได้สูงสุดถึง 12% ต่อวัน มีการสอบ 2 โปรแกรมหลัก ดังนี้
- Standard Challenge : สำหรับมือใหม่ที่อยากได้ทุนมาเทรด Forex วงเงินสูงและรับค่าคอมมิชชั่นแบบจุกๆ มีการแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 Phase คือ รอบแรก 35 วัน และรอบสอง 60 วัน
- Rapid Challenge : สำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และมั่นใจว่า สามารถหากำไรให้เติบโตมากขึ้นได้ รูปแบบนี้จะรองรับนักเทรดมืออาชีพ เพราะนอกจากจะมีค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์ชัดเจนแล้วยังมีแผนปรับเพิ่มส่วนแบ่งตามเงื่อนไขด้วย
ค่าสมัครสอบ : ฝั่ง Standard เริ่มต้น $315 USD ฝั่ง Rapid เริ่มต้น $299 USD (มีการจัดโปรโมชั่นบ่อยควรรอสอบช่วงที่ราคาไม่สูงมาก)
เว็บไซต์ : https://thefundedtraderprogram.com/
4) The5ers
เมื่อถามสอบกองทุน Forex ไหนดี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะขาดรายชื่อของแหล่งทุน The5ers เพราะนักเทรด Forex มืออาชีพที่มั่นใจในฝีมือและประสบการณ์ทั่วโลก แต่อาจจะไม่ค่อยได้รับความนิยมจากสายเทรดในไทยซักเท่าไหร่ เพราะมีการทดสอบคัดคนแบบเข้มข้น เน้นหัวกะทิจนเหลือนักเทรดเพียง 5% จากทั่วโลกมาทำงานร่วมกับพวกเขาและนักลงทุนคนพิเศษ โดยมีโปรแกรมการสอบ 2 รูปแบบ ดังนี้
- Low Risk : เน้นความเสี่ยงต่ำ การทดสอบและเป้าหมายไม่โหดมาก
- Aggressive : เน้นความเสี่ยงเพิ่มขึ้น สนับสนุนการเก็บกำไรเข้ากระเป๋าสูง 12%
ค่าสมัครสอบ : เริ่มต้น €235 ไปจนถึง €745 (ราคาค่าสมัครสอบถือว่า แพง เมื่อเทียบกับวงเงินกองทุนที่จะได้รับและเปอร์เซ็นต์คอมมิชชั่นที่ต่ำกว่ารายอื่นกว่า 30-40%)
เว็บไซต์ : https://the5ers.com/
5) CTI
CTI หรือ CityTradersImperium ตอบโจทย์สำหรับนักเทรดมือใหม่ที่มีความปลอดภัยสูง บริหารจัดการไม่ยุ่งยาก เงื่อนไขไม่มีปัญหา หากบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพแพลตฟอร์มนี้มีแผนรอบรับการแบ่งกำไรสูงถึง 100% เลยทีเดียว (แม้จะยังไม่ได้รับความนิยมในไทยอย่างแพร่หลาย ด้วยความที่เป็นรุ่นน้องจากแพลตฟอร์มอื่น แต่ก็มาแรงขึ้นเรื่อยๆ เตรียมติดสปีดแซงอีกหลายแห่งเลย) มีให้เลือก 3 โปรแกรม ดังนี้
- Direct : ไม่มีการกำหนดระยะเวลาชัดเจน เป้าหมายกำไร 10% ขึ้นไป
- Evaluation : มีการกำหนดระยะเวลาที่ประมาณ 12 เดือน มีการตั้งเป้าหมายกำไรที่ประมาณ 9% วงเงินให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ $ 10,000-70,000
- Challenge : ไม่เพียงแต่คอมมิชชั่นยังได้โบนัสแบบเงินเดือนประจำเป็นจำนวนคงที่ต่อเดือน ให้ระยะเวลาต่อรอบที่ 1 จำนวน 45 วัน และรอบที่ 2 จำนวน 45 วัน
ค่าสมัครสอบ : เริ่มต้น $99 ไปจนถึง $4,399 (ไม่เน้นคัดเฉพาะคนเก่ง แต่สร้างสรรค์ให้เป็นแพลตฟอร์มการศึกษาสนับสนุนให้นักเทรดพัฒนาฝีมือเก็บประสบการณ์ได้)
เว็บไซต์: https://citytradersimperium.com/
โบรกเกอร์ที่นิยมใช้สอบกองทุน Forex
สรุป
การเลือกสถาบันสอบกองทุน Forex ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ. คุณควรใช้เวลาในการวิจัยและเลือกสถาบันที่ตอบโจทย์ความต้องการและระดับความสามารถของคุณ เมื่อต้องการสอบกองทุน forex แต่ยังไม่มั่นใจว่า ขอแนะนำให้ลองนำเทคนิคการเลือกที่เรานำมาฝากไปปรับใช้และเริ่มศึกษารายละเอียดในบทความนี้ก็จะเจอบันไดเดินทางไปถึงฝันของการเป็นนักเทรด Forex มืออาชีพได้ไม่ยากเลย